kremlin palace เมืองแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งนึงของประเทศรัสเซียค่ะ และยังเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า แต่ล่าสุดพระราชวังแห่งนี้นั้นถูกจับตาในฐานะของศูนย์กองทัพของผู้นำรัสเซียด้วย วันนี้แอดมินก็เลยจะมาเล่าถึงเรื่องราวที่น่าทึ่งของพระราชวังแห่งนี้ และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของพระราชวังว่ามีอะไรที่น่ารู้และน่าสนใจบ้าง มาดูไปพร้อมกันได้เลยนะคะ
kremlin palace พระราชวังที่เป็นฐานทัพผู้นำรัสเซีย
ในภาษารัสเซียชื่อของพระราชวังแห่งนี้ หมายถึงป้อมปราการ เป็นคำเรียกบริเวณที่ตั้งของหมู่ตึกและป้อมปราการใจกลางกรุงมอสโก มีอาณาเขตทางใต้เริ่มตั้งแต่แม่น้ำมอสควา ทางตะวันออกเริ่มตั้งแต่พระมหาวิหารเซนต์บราซิล และจัตุรัสแดงทางตะวันตกเริ่มตั้งแต่ส่วน Alexander เป็นที่ภายในกำแพงประกอบไปด้วยพระราชวัง 5 แห่งโบสถ์ 4 แห่งและสิ่งปลูกสร้างสำคัญทางทหาร
รวมทั้งที่ทำการของรัฐบาล ซึ่งมักจะถูกเรียกรวมกันว่า พระราชวังเคลมลิน ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ถูกเรียกว่าเมืองมอสโกในปี 1147 โดยเจ้าชายยูริ พระราชณโอรสของกษัตริย์ เจ้าชายยูริงั้นย้ายมาสร้างเมืองที่บริเวณเนินเขาริมแม่น้ำมอสควาและตั้งชื่อมอสโก สร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการต่างๆ
ซึ่งในสมัยนั้นยังก่อสร้างด้วยดินและไม้ ต่อมาในสมัยพระเจ้าอีวานที่สามก็ทรงปลดปล่อยรัสเซีย จากการปกครองของพวกตาต้า หรือว่ามองโกและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้น รวมไปถึงการบูรณะตกแต่งเคลมลินมีการเปลี่ยนกำแพงหินปูนสีขาว ให้เป็นกำแพงอิฐสีแดงโดดเด่นและน่าเกรงขาม
มีป้อมหรือหอคอยสำคัญถึง 20 แห่ง พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของรัสเซียเมื่อปี 1990 ที่ผ่านมานี้เองค่ะปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วน
นอกจากนี้ยังมีหอคอยที่มีอีกชื่อที่รู้จักกันก็คือหอคอยชาวีเอ่อ หรือหอคอยแห่งพระพุทธไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 20 หอคอยที่เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงสีแดง ที่ล้อมรอบเคลมลิน หอคอยแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นทางเข้าหลักของเคลมลิน และมีเรื่องเล่าถึงประเพณีลึกลับว่าต้องถอดหมวกก่อนผ่านช่องประตูนี้
หากไม่ทำตามจะเกิดเรื่องร้ายเช่นจักรพรรดินโปเลียนที่ยึดเคมอินได้แต่ไม่ถอดหมวกก่อนผ่านประตูนี้ทำให้ลมพัดมาปลิวหายแล้วต่อมาก็พ่ายแพ้ต่อรัสเซียนั่นเองค่ะ หอคอยแห่งนี้ที่อยู่ใกล้กันจะมีหอคอยนาฬิกาและด้านบนของหอนาฬิกาจะประดับไปด้วยดาวสีแดงห้าแฉก
ซึ่งทำจากทับทิมน้ำหนัก 20 ตัน เป็นสัญลักษณ์ของอุดมการณ์การปกครองของอดีตสหภาพโซเวียตนั่นเองค่ะ หอนาฬิกาแห่งนี้ถือว่าเป็นหอนาฬิกาที่สำคัญที่สุดของประเทศรัสเซีย มักถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลาเสียงระฆังบอกเวลาจะถูกใช้เป็นสัญญาณของการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ สัญญาณของพิธีทางศาสนา และราชณพิธีต่างๆนั่นเองค่ะ
🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉 🍉
เมืองของคนรวย คลิก Monaco