วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาเที่ยวชม มรดกโลกในอิสราเอล และปาเลสไตน์ แม้ว่าชาวยิวและชาวปาเลสไตน์ จะมีความขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่นอกจากการต่อสู้กันแล้ว พวกเขาก็ยังสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาเป็นจำนวนมากเลยค่ะ จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นกลายมาเป็นสมบัติของคนรุ่นต่อมา แสดงถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันเจริญ ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างเดี๋ยววันนี้ แอดมินจะพาไปชมพร้อมกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไปแอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในไทย กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ รวยจัง ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ
มรดกโลกในอิสราเอล และปาเลสไตน์ ความสวยงามท่ามกลางความขัดแย้ง
สถานที่แรกที่แอดมินจะพามาก็คือ Baha’I Holy Places in Haifa ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่นับถือศาสนาบาไฮ และมีความหมายต่อผู้ที่นับถือศาสนานี้เป็นอย่างยิ่ง โดยตั้งอยู่ที่เมืองไฮฟาและกาลิรีตะวันตก ส่วนภายในสถานที่แห่งนี้ก็ประกอบไปด้วยศาสนสถานอันสำคัญสองแห่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับองค์พระศาสดา คือสถานสักการะพระบาฮาอัลลอร์ และพระบาป นอกจากนั้นก็ยังมีอาคาร
อนุสาวรีย์ และสวนหย่อม อันสวยงาม อยู่โดยรอบการสร้างขึ้นมานี้ ก็เป็นการสะท้อนถึงศรัทธาและประเพณีรวมถึงการแสวงบุญของผู้ที่นับถือศาสนาบาไฮ ที่อย่างระลึกลงไปในพื้นฐานสังคม ของชาวยิว นอกจากนั้นบาไฮ ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญที่ดึงดูดให้ผู้ที่นับถือศาสนานี้หลั่งไหลกันมาที่นี่อีกด้วยค่ะ ดังนั้นทางองค์การยูเนสโก จึงได้ประกาศให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บาไฮ มีฐานะเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2008
ที่ผ่านมาค่ะ ส่วนอีกหนึ่งสถานที่ที่แอดมินจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ Biblical Tels-Megiddo เนินดินศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าเทลนี้ มีลักษณะเป็นเนินดิน ที่ยกตัวสูงขึ้นโดยบนเนินเป็นพื้นราบเรียบกว้างใหญ่ ลักษณะทางภูมิศาสตร์เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ทางด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะในเขตของประเทศอิสราเอล เลบานอล ซีเรีย และทางด้านตะวันออกของตุรกีค่ะ
เทลมากกว่า 200 แห่งในประเทศอิสราเอล ที่พบในแหล่งวรรณคดีเมกิดโด้ คัสเซอร์ และเบียร์ชิบาห์ มีซากเมืองโบราณอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งก็มีความสัมพันธ์กับข้อความในคัมภีร์ไบเบิ้ล ที่บอกเอาไว้ว่ามีเมืองเป็นจำนวนมาก ที่ริมฝั่งด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในบริเวณที่เป็นประเทศซีเรียเลบานอล จอร์แดน และอิสราเอล การค้นพบซากเมืองโบราณในแหล่งโบราณคดีทั้งสามนั้น
ทำให้เราได้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงความมั่งคั่งของบุคคลในยุคสัมฤทธิ์ และยุคเหล็ก ตามพระคัมภีร์กล่าวเอาไว้ โดยพบร่องรอยของระบบชลประทานในพื้นที่อีกด้วยค่ะ ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์เนื้อดินศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เอาไว้ทางองค์การยูเนสโก จึงได้ประกาศให้พื้นที่แห่งประวัติศาสตร์นี้ เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2005 ค่ะ
🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️ 🕊️