วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมา เที่ยวชมกำแพงเมืองต่างๆ ว่าจะมีที่ไหนบ้างที่สวยงาม แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้วยนะคะ นอกจากนี้บางแห่งยังเป็นสถานที่โบราณด้วยนะคะ แต่จะมีที่ไหนบ้างเดี๋ยวเรามาดูไปพร้อมกันได้เลยค่ะ แต่ก่อนที่จะไปแอดมินก็ขอฝากให้ไปติดตาม สะพานที่เชื่อมสองแผ่นดิน กันด้วยนะคะ แล้ววันนี้แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ บาคาร่า 168 ที่สนับสนุนเราวันนี้ด้วยค่ะ
เที่ยวชมกำแพงเมืองต่างๆ กำแพงที่สำคัญของแต่ละเมือง
กำแพงเมืองที่แข็งแกร่งสามารถต้านทานการรุกราน จากข้าศึกศัตรูเอาไว้ บางเมืองอาจสร้างกำแพง หอคอย หรือป้อมปราการ บนเขาสูงเพื่อคอยสังเกตการณ์ผู้บุกรุกต่างถิ่นได้จากในระยะไกล ในขณะที่กำแพงเมืองชั้นในอาจมีความแน่นหนาเป็นพิเศษ ยากที่จะทำลายลงได้ วันนี้แอดมินได้รวบรวมเอาความเห็นจากหลายๆที่ ซึ่งได้สำรวจเมืองโบราณน่าสนใจทั่วโลก ที่สามารถยืนหยัดผ่านการและเวลามาได้หลาย 100 ปีหรืออาจจะเป็น 1000 ปีมานำเสนอในวันนี้ค่ะ
1.Dubrovnik
กำแพงเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย เมืองท่าสำคัญของฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเล กำแพงเมืองที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ยาวกว่า 1900 เมตร สูง 25 เมตร ประกอบไปด้วย 16 หอคอยสูง 3 ป้อมปราการ และ 6 หอคอย ประจำกำแพง เมื่อแรกสร้างกำแพงเมืองหนา 3 เมตร ก่อนจะเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเป็น 6 เมตรในเวลาต่อมาค่ะ
และเป็นหนึ่งในกำแพงเมืองโบราณที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโลก แม้จะเคยต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แต่กำแพงก็ยังคงยืนหยัดรอดพ้นมาได้ ทั้งยังไม่เคยถูกทำลายจากภัยสงคราม แม้ในช่วงของการล่มสลายของยูโกสลาเวีย จะเกิดความเสียหายจากกระสุนอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับทุนในการซ่อมแซมจากยูเนสโกเนื่องจากที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปี 1979 นั่นเองค่ะ
2.Quebec City
กำแพงเมืองแห่งนี้อยู่ในประเทศแคนาดา กำแพงเมืองเก่าเพียงแห่งเดียวในทวีปอเมริกาเหนือ สร้างขึ้นในช่วงปี 1608 ถึง 1687 เป็นกำแพงหินที่มีด้วยกัน 4 ประตูและ 3 หอคอย ป้อมปราการที่ในอดีต เคยเป็น. ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และปัจจุบันด้านหลังกำแพงที่แน่นหนา และสูงใหญ่เพื่อเป็นศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวประจำเมืองเมืองแห่งนี้ นับเป็นเมืองเก่าของประเทศแคนาดา
เพราะเป็นจุดแรกที่ชาวยุโรปเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยแรกเริ่มเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ก่อนจะเปลี่ยนมาอยู่ในมือของอังกฤษ สภาพบ้านเมืองในเขตเมืองเก่า ซึ่งให้ความรู้สึกผสมผสานของสองวัฒนธรรมที่สำคัญของยุโรปนั่นเองค่ะ
🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱 🧱