เรื่องเล่าชนเผ่าฮิมบา ทะเลทรายนามิเบีย

            วันนี้แอดมินจะมาเล่า เรื่องเล่าชนเผ่าฮิมบา ทะเลทรายนามิเบีย ให้ฟังกันค่ะ ชนเผ่าฮิมบาเนี่ยเป็นชนเผ่าเก่าแก่ที่อยู่ในทะเลทรายนามิเบียที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของเรา เรื่องราวของพวกเค้าจะเป็นอย่างไร เดี๋ยววันนี้แอดมินจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม  Kawha ijen volcano กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ  เบทฟิก ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยนะคะ

👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺

เรื่องเล่าชนเผ่าฮิมบา ทะเลทรายนามิเบีย

            ชนเผ่าหิมบาเป็นกลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มสุดท้ายของนามิเบีย อาศัยอยู่ริมแม่น้ำคูเนเน่ ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติทางตอนเหนือของประเทศนามิเบีย กับแองโกล่า เผ่าหินบามีประชากรประมาณ 30,000 ถึง 50,000 คนเป็นชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม ที่ยังใช้ชีวิตผูกติดกับธรรมชาติ แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่ของชนเผ่าหินปาจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ชนในคนเผ่านี้ส่วนใหญ่

ก็ยังคงใช้ชีวิตในโลกใบเดิม ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีเทคโนโลยีใดใด ทำอาชีพเลี้ยงสัตว์ และเร่ร่อนพเนจรไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ชาวฮิมบาจะมีผู้นำเป็นหมอผี ทำหน้าที่รักษาคนที่เจ็บป่วย ผู้ชายจะเป็นนักรบ ดูแลฝูงปศุสัตว์ ส่วนผู้หญิงจะดูแลบ้านเรือน ทำงานบ้าน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงลูก อาศัยอยู่ในบ้าน ที่ทำจากโคลน ผสมมูลสัตว์ ปูพื้นด้วยหนังวัว การแต่งกายทั้งหญิงและชายจะเปลือยท่อนบน

ส่วนท่อนล่างสวมเป็นหนังสัตว์ที่ ฟอกเอง นิยมไว้ผมเปียและทรงเดดล็อก สตรีชาวฮิมบาจะใช้ดินแดงที่มีสนิมเหล็ก ผสมกับไขมันพอกตามตัวและเส้นผม เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย และผิวหนัง รวมทั้งจะไม่อาบน้ำสระผมเลยตั้งแต่เกิด จนชั่วชีวิต แต่จะอบตัวด้วยกำยานกลิ่นหอม เนื่องจากอาศัยอยู่ในทะเลทรายที่ทรัพยากรน้ำมีจำกัด และผู้ชายจะมีสิทธิได้อาบน้ำก่อน แม้ว่าชนเผ่าหิมวาจาดำรงชีวิต

ในวิถีดั้งเดิมแต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกปัจจุบัน ทำให้มีชาวฮิบรูหันมาทำการค้าขาย และทำงานในเมืองมากขึ้นอีกทั้งสภาพภัยแล้ง ที่หนักหน่วงกว่าในอดีต ทำให้ชาวฮิบรูรุ่นใหม่อพยพ เข้ามาตั้งรกรากในเมืองใหญ่มากขึ้นค่ะ จนรัฐบาลนามิเบีย ต้องออกกฎหมายคุ้มครองชนเผ่ากลุ่มน้อยในประเทศ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อให้ชนเผ่าฮิมบามีรายได้ที่มั่นคง นอกเหนือไปจากการทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นอยู่กับปริมาณฝนในแต่ละปีนั่นเองค่ะ

👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺 👺