วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Andes Mountains กับเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ในทวีปอเมริกาใต้มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายประการ เช่นเรื่องราวของวัฒนธรรมโบราณของชาวอินคา หรือทะเลทรายอาตากามาอันแห้งแล้ง รวมถึงสัตว์บางชนิด ที่สามารถพบได้ แต่ในทวีปนี้เท่านั้น และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เรื่องราวอันเกี่ยวกับเทือกเขาแอนดิส เทือกเขาที่มีความยาวตั้งแต่ตอนบนของทวีป ไปจนถึงบริเวณทางใต้ด้วยความยาวของเทือกเขา จึงมีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายประการซ่อนอยู่ในขุนเขา
อันตั้งตระหง่านและท้าทายสายลม แสงแดดมาเป็นเวลานานนี้ ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปติดตามพร้อมกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินต้องขอฝากให้ไปติดตาม Gilgit Baltistan กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ เบทฟิก68 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ
Andes Mountains กับเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
เทือกเขาแอนดิสอยู่ในทวีปอเมริกาใต้โดยวางตัวเป็นแนวยาวขนานไปกับชายฝั่งด้านตะวันตกของทวีปผ่านเขตแดนของ 7 ประเทศคือ เวเนซุเอลา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู โบลิเวีย ชิลี และอาร์เจนตินา มีความยาวประมาณ 7000 กิโลเมตร และถือได้ว่าเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกเลยค่ะ โดยไม่รับรวมกับเทือกเขาที่ใต้มหาสมุทรเทือกเขาแห่งนี้ เกิดขึ้นจากแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นชนกัน คือแผ่นเปลือกโลก
อเมริกาใต้ใต้กดทับกับแผ่นเปลือกโลกนาซกา ทำให้เทือกเขาแอนดิสความสูงเพิ่มขึ้นทุกปี โดยยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอนดิส ก็คือยอดเขาอากองกากัว ที่อยู่ในเขตของประเทศอาร์เจนตินานั่นเองค่ะ เทือกเขาแอนดิสในส่วนที่อยู่ในเขตของประเทศโบลิเวียนั้น มีพื้นที่สำคัญที่เรียกว่า ที่ราบสูงอัลดิพาโน หรือที่ราบสูงเวีย โดยที่ราบสูงแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกรุงลาปาซ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโบลิเวีย ดังนั้นเมืองหลวง
แห่งนี้จึงเป็นเมืองหลวงที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก นอกจากนั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของทะเลสาบติติกากา ซึ่งก็เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกเช่นกันค่ะ และทำหน้าที่เป็นพรมแดนทางธรรมชาติ ของประเทศโบลิเวีย และประเทศเปรูอีกด้วย ส่วนเขตทางตอนใต้ของเทือกเขาแอนดิส ก็มีที่ราบสูงที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งซึ่งก็คือที่ราบสูงปาตาโกเนีย โดยเป็นพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างประเทศ
อาร์เจนตินาและประเทศชิลี ที่ราบสูงแห่งนี้เป็นดินแดน ที่สวยงามและหนาวเหน็บ รวมทั้งมีน้ำแข็งอันสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วยค่ะ นอกจากเทือกเขาแอนดิส จะมีที่ราบสูงที่สำคัญดังกล่าวบนเทือกเขาแห่งนี้ในส่วนที่อยู่ในเขตแดนของประเทศเปรู ก็ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำอเมซอน แม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งของโลก และทวีปอเมริกาใต้อีกด้วย ด้วยความที่เทือกเขาแอนดิสมีความยาวถึงประมาณ
7000 กิโลเมตร และมีความแตกต่างทางละติจูดอย่างหลากหลาย ดังนั้นแล้วสภาพอากาศ ของเทือกเขาแอนดิสจึงถูกแบ่งออกเป็น 33 ลักษณะตามเส้นละติจูด โดยเริ่มต้นจากทางตอนเหนือ ตั้งแต่ประเทศเวเนซุเอลา ถึงประเทศโคลัมเบีย ด้วยความที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ส่วนทางตอนกลางที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศเอกวาดอร์ เปรู และโบลิเวีย จะมีสภาพอากาศแบบแห้งแล้ง
ส่วนทางตอนใต้ที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศอาร์เจนตินา และประเทศชิลีนั้น จะมีสภาพอากาศแบบหนาว และมีฝนตกร่วมด้วยค่ะ ความหลากหลายด้านภูอากาศเช่นนี้ ก็กลายเป็นเสน่ห์อีกรูปแบบหนึ่ง ของเทือกเขาแอนดิส ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวคนใดตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ด้านเหนือของเทือกเขาแห่งนี้ จนกระทั่งไปถึงจุดที่ปลายทางด้านใต้แล้ว เค้าก็คงต้องเตรียมตัวรับกับความเปลี่ยนแปลง
ของสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างดี แต่กระนั้นเค้าก็คงได้ชื่นชม กับธรรมชาติอันแสนสวยงาม ที่มีความหลากหลายไปด้วยค่ะ นอกจากเทือกเขาแอนดิสจะมีทิวทัศน์งดงามแล้วและต้นกำเนิดของแม่น้ำอเมซอนก็ยังเป็นแหล่งกำเนิดของสัตว์ 2 ชนิดที่หาดูได้ยากอีกด้วยนั่นก็คือตัวละมะ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลอูฐ ซึ่งเมื่อ 40 ล้านปีก่อนนั้น ลามะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือแต่เมื่อ 3 ล้านปีก่อนพวกมันก็อพยพ
ลงมาที่ทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งเมื่อถึงปลายยุคน้ำแข็งหรือเมื่อ 10,000 ถึง 12,000 ปีก่อนลามะ และสัตว์ตระกูลในทวีปอเมริกาเหนือ ก็สูญพันธุ์ไปทั้งหมดปัจจุบันนี้ ลามะก็เป็นสัตว์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในบริเวณเทือกเขาแอนดิส ส่วนสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบริเวณของเทือกเขาแอนดิสก็คืออัลปาก้า ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลอูฐเช่นเดียว กับตัวลามะ พบได้มาทาง
ตอนใต้ของเปรูทางตอนเหนือของโบลิเวีย เอกวาดอร์ และชิลี แม้ว่าตัวล้ากับอัลปาก้า จะมีลักษณที่คล้ายๆกันมากก็ตามแต่จุดประสงค์ของ การนำสารทั้งสองชนิดนี้มาใช้งานก็มีความแตกต่างกัน ด้วยลามะนั้นถูกนำมาใช้เป็นพาหนะ ในการขนส่งต่างๆ ส่วนตัวอัลปาก้านั้น เลี้ยงเพื่อนำขนมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากของมันนั้นมีความนุ่มเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับการขนานนามว่าให้เป็นเส้นใยจากพระเจ้า
ดังนั้นขนของอัลปาก้าจึงมีราคาที่สูงมากเลยล่ะค่ะ อาณาจักรอินคา เป็นอาณาจักรโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของเทือกเขาแอนดิส โดยที่ในปัจจุบันนี้อยู่ในเขตของประเทศเปรู เอกวาดอร์ ชิลี อาร์เจนตินา โคลัมเบีย และโบลิเวีย ดังนั้นแล้วจึงมีโบราณสถาณหลายแห่งของชาวอินคา ที่ปรากฏร่องรอยอยู่ บนเทือกเขาแอนดิส และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยว โดยเฉพาะมหานครมาชูปิกชู ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพลงซากปรักหักพังก็ตาม แต่ก็มีผู้นิยมมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในทุกปี
สุดท้ายนี้ สำหรับสายท่องเที่ยว แอดมินก็ต้องขอฝากเว็บไซต์แนะนำ ที่เที่ยว ดีๆไว้ด้วยนะคะ