Whittier

มีเมืองเล็กๆแห่งนึงชื่อเมือง Whittier เป็นเมืองที่น่าสนใจมากๆ เรียกได้ว่าเมืองนี้ั้นแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่ว่าเป็นเืองที่มีสเน่ห์ ท่ามกลามป่า หุบเขา และใกล้ธารน้ำแข็ง ถ้าอยากลองเที่ยวที่ใหม่ๆที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะค่ะ แต่ก่อนที่จะไปติดตามรับชมความสวยงามของที่นี่ แอดมินก็ขอฝากให้ไปติดตามข่าวสาร ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสูงสุดในรอบ 20 ปี แล้ววันนี้แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ บาคาร่า 168 ที่มาสนับสนุนเราอย่างเป็นทางการในวันนี้ด้วยนะคะ

Whittier เมืองที่ตัดขาดจากโลกภายนอก

Whittier
เมืองธรรมชาติ

บุกเบิกโดยกองทัพสหรัฐวิทีเอ้อเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 ชื่อเมืองมาจากชื่อธารน้ำแข็ง เมืองแห่งนี้อยู่ใกล้เคียง ซึ่งชื่อของธารน้ำแข็งนั้น ก็ได้รับการตั้งชื่อตามกับวิชาการที่ค้นพบ 1915 ในการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2020

มีประชากร 272 คนเพิ่มขึ้นจาก 220 คนในปี 2010 ซึ่งเกือบทั้งหมดอาศัยอยู่ในอาคารเดียวภูมิภาคนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางการขนย้ายของชาวชูก้า ซึ่งเป็นชาวเอสกี่โมพื้นเมือง ของอลาสก้า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพสหรัฐได้สร้างสถานที่ทางทหาร พร้อมด้วยท่าเรือ

Whittier
เมืองหิมะ

และทางรถไฟใกล้กับธารน้ำแข็ง และตั้งชื่อสถานที่นี้ว่าแคมป์สลิแวน พวกทหารสร้างอาคารสำหรับบรรดาทหาร ที่มาปฎิบัติภารกิจ สร้างฐานะครอบครัวสร้างโรงเรียนติดกับอาคารด้วยอุโมง เพื่อให้เด็กๆนั้นสามารถเข้าถึงโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย ในวันที่สภาพอากาศเลวร้าย

ที่ท่าเรือกล่องทหารช่างของสหรัฐ ไปสร้างครั้งถึงจะผ่านปิโตรเลียมสถานีสูบน้ำ และท่อส่งน้ำมันขนาด 8 นิ้วที่มีความยาว 100 กิโลเมตร ไปยังเมืองเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอลาสก้า เพื่อเตรียมการขุดน้ำมัน แต่แล้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1964 เมืองก็รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เรียกกันว่ากู๊ดฟรายเดย์เอิทเควก เนื่องจากตรงกับวันกู๊ดฟรายเดย์ ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์พอดี แผ่นดินไหวนั้นวัดระดับความรุนแรงได้ 9.2 ริกเตอร์ นับว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยในครั้งนั้นได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 131 คน

และทำให้เกิดคลื่นสึนามิตามแนวชายฝั่งตะวันตก ของสหรัฐอเมริกาคลื่นสึนามิที่กระทบมีความสูงถึง 13 เมตร และคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 13 รายกองทัพสหรัฐจึงล้มเลิกโครงการพัฒนาไปตั้งแต่นั้นนั่นเองค่ะ

❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️ ❄️