วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ หมู่บ้านสวยๆ ในต่างประเทศ สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง แม้ว่ามนุษย์ในอดีตจะมีการย้ายถิ่นฐานอยู่หลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังมีหมู่บ้านที่สวยงามบางแห่ง ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน และกลายเป็นเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว หรือบางแห่งก็กลายเป็นมรดกโลกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ จากองค์การยูเนสโก ซึ่งเรื่องราวของหมู่บ้านเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาดูไปพร้อมกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ต้องขอฝากไปติดตาม กำแพงเมืองเก่า กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ betflik68 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ
หมู่บ้านสวยๆ ในต่างประเทศ สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง
หมู่บ้านแรกที่แอดมินจะพาทุกท่านมาเที่ยวชมในวันนี้ก็คือ Shirakawago หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุ และมีบ้านอยู่ทั้งหมดประมาณ 200 หลังคาเรือน หมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นมานับ 100 ปีแล้ว แต่ยังคงเอกลักษณ์ และกลิ่นอายแห่งความโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทรงบ้านแบบกัสโซ่ ซึ่งมีจุดเด่นที่หลังคาทั้งสองด้าน ทำมุมประมาณ 60 องศา จนกระทั่งเหมือนกับมือ
ที่พนมกันอยู่ นอกจากนั้นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ อีกประการหนึ่งของบ้านแบบกัสโซ่ก็คือ บ้านทั้งหลังจะไม่ใช้ตะปูต่อเลย แต่เป็นการนำไม้มาขัดกัน และผูกเชือก เพื่อสร้างเสริมเสริมความแข็งแรง ซึ่งก็คล้ายกับการปลูกเรือนไทยของเรา ที่ก็ใช้หลักการในลักษณะเช่นนี้เหมือนกันค่ะ หมู่บ้านแห่งนี้นั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตลอดทั้งปี แต่ในเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่สวยที่สุด เนื่องจากว่ามีงานแสดงไฟ
ที่บ้านแต่ละหลังจะเปิดไฟสว่าง ตัดกับสีขาวโพลนของหิมะ ด้วยความเก่าแก่ของหมู่บ้านแห่งนี้นั้น ที่สามารถคงจิตวิญญาณทางวัฒนธรรมเอาไว้ได้ องค์การยูเนสโกจึงได้จัดให้หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1995 ค่ะ หมู่บ้านต่อมาที่มีความสวยงามจนนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเที่ยวก็คือ Yvoire หมู่บ้านแห่งนี้คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อ หมู่บ้านดอกไม้อีวีวร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศ
ฝรั่งเศสและอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในยุคกลาง หรือเมื่อประมาณ 700 กว่าปีก่อน ดังนั้นแล้ว จึงมีกำแพงเมืองและหอรบต่างๆ หลงเหลือข้ามกาลเวลามาด้วย ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ ก็ทำขึ้นจากหินและไม้ ส่วนสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ และจุดเด่นของหมู่บ้านนี้มากที่สุด ก็คือสองข้างทางเดินของถนน ที่ตัดเข้าไปในหมู่บ้านนั้น เต็มไปด้วยดอกไม้ และสวนดอกไม้หลากสีสันอันงดงาม รวมถึงโบราณสถาณต่างๆ
เช่น โบสถ์ และปราสาทอีกด้วย นอกจากการชดดอกไม้อันสวยงาม ภายในหมู่บ้าน และบริเวณโดยรอบแล้วที่หมู่บ้านดอกไม้แห่งนี้ ก็ยังมีพิซซ่าที่ทำขึ้นมาตามแบบฝรั่งเศสดั้งเดิม ให้รับประทานอีกด้วย ด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีความสวยงามเช่นนี้จึงถูกจัดอันดับให้เป็นหมู่บ้านที่สวยงามมากแห่งนึง ในประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยค่ะ หมู่บ้านแสนสวยต่อมาที่นักท่องเที่ยวงนิยมมาเที่ยวกันก็คือ Giethoorn หมู่บ้าน
แห่งนี้เป็นหมู่บ้านอันเงียบสงบ และร่มรื่นไปด้วยธรรมชาติ ตั้งอยู่ในพื้นที่ระหว่างเมืองเซอร์เวย์เลอร์ และเมืองสตินวิก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยสิ่งที่เป็นจุดเด่นมากที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือ ไม่มีถนน ภายในหมู่บ้าน แต่ชาวหมู่บ้านจะเดินทางไปมาหาสู่กัน โดยพายเรือไปตามคลองที่ทอดตัวยาวเป็นเส้นทางคมนาคม ดังนั้นจึงไม่มีเสียงของรถยนต์ หรือมลพิษทางอากาศ รบกวนการพักอาศัยบ้านเรือนแต่ละหลัง
สร้างขึ้นเป็นหลังเล็กๆ ในแบบยุโรปตะวันตก และมีสะพานไม้เล็กๆจำนวน 180 สะพาน เป็นเส้นทางคมนาคมสายรอง ภายในหมู่บ้าน นอกจากนั้นภายในหมู่บ้านก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆที่พบในหมู่บ้านอีกด้วย โดยที่แต่ละชิ้นจะมีอายุมากกว่า 100 ปีขึ้นไปด้วยค่ะ หมู่บ้านต่อมาก็คือ Zalipie หมู่บ้านแห่งงานศิลปะ หมู่บ้านแห่งนี้ อยู่ที่เมืองเลสเตอร์โปแลนด์ ประเทศโปแลนด์
โดยที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือ บ้านทุกหลังในหมู่บ้าน จะได้รับการตกแต่งด้วยภาพวาดสีสันสดสวย ด้วยสาเหตุประการสำคัญ ที่มีการวาดภาพบนผนังบ้านเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากว่าในสมัยก่อนนั้น ใช้เตาถ่านในการทำครัว ทำให้เขม่าควันต่างๆ ลอยขึ้นไปจากบนผนังภายในบ้าน ชาวหมู่บ้านจึงได้ตัดสินใจวาดภาพด้วยสีสันสดสวย บนผนังบ้านของตน เพื่อปกปิดรอยเขม่าควันเหล่านี้ และภาพที่เค้าวาดนั้น
ก็มักจะเป็นภาพของดอกไม้สีสด ที่เรียกว่าภาพโฟคอาร์ต ที่เป็นลักษณะของงานศิลปะพื้นบ้าน ของชาวโปแลนด์มาตั้งแต่โบราณสืบต่อกันมาเลยค่ะ นอกจากภาพดอกไม้ดังกล่าว จะวาดขึ้นเพื่อปิดบังรอยเขม่าควันแล้ว ในเวลาต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบสิ้นลง ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ก็ยังคงใช้ภาพดอกไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งบำบัดจิตใจ ให้คลายความทุกข์ จากบาดแผลในจิตใจอันเกิดขึ้นในช่วงของสงครามโลก
อีกด้วยค่ะ หมู่บ้านสุดท้ายที่แอดมินจะพามาเที่ยวชมกันในวันนี้ก็คือ Lauterbrunnen หมู่บ้านแห่งนี้มีความงดงามราวกับถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยมนตรา โดยที่หมู่บ้านตั้งอยู่ที่รัฐแลนด์ เขตหุบเขาจุงเซาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แม้ว่าหมู่บ้านจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ และเป็นเพียงทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วก็ตาม แต่หมู่บ้านแห่งนี้นั้นก็มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน
นอกจากนั้นก็ยังมีธรรมชาติอันงดงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย โดยเฉพาะน้ำตกขนาดใหญ่ที่กลางหมู่บ้านรวมไปถึงน้ำตกแห่งอื่นอีก 72 แห่ง ซึ่งอยู่ในนั้นก็คือน้ำตกสตาร์บัคส์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมเนื่องจากมีความสูงถึง 297 เมตรเลยค่ะ ด้วยเหตุที่หมู่บ้านแห่งนี้มีน้ำตกอยู่เป็นจำนวนมากดังนั้นชื่อของหมู่บ้านจึงมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า Many fountains
ก่อนจากกัน แอดมินก็อยากขอฝากเว็บไซต์ที่จะหา ที่เที่ยว ยอดฮิต อัพเดตแบบไม่ตกเทรนเอาไว้ด้วยนะคะ